อย ากหมดทุกข์ต้องปฏิบัติทุกขณะ

อย ากหมดทุกข์ต้องปฏิบัติทุกขณะ

การประพฤติปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่ทำอยู่กับตัวเราเอง ทำอยู่กับร่ างก ายจิตใจนี้เอง

ไม่ได้ทำที่ไหน แล้วก็ทำได้ทุกขณะ กำลังยืนก็มีรูปนามอยู่อย่างนี้ กำลังนั่งก็มีรูปนามอยู่อย่ างนี้

กำลังนอนก็มีรูปนามอย่ างนี้ กำลังคู้ เ ห ยี ย ด เคลื่อนไหวมันก็มีรูปนามอยู่ กำลังกิน กำลังถ่าย

กำลังนุ่งห่มเสื้ อผ้า มันก็มีอยู่อย่างนี้ มีรูป มีนามเป็นเหตุเป็นปัจจัย มีผัสสะกระทบ เดี๋ยวเห็น

เดี๋ยวได้ยิน เดี๋ยวรู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัสคิดนึกเจริญสติหยั่งรู้เข้าสู่ภายใน ภายนอกมันก็ทำไป

แต่สติสัมปชัญญะเรียกว่าสัมผัสภายใน กายที่เคลื่อนไหว แต่ว่ามีสติรับรู้ความรู้สึกเคลื่อนไหว

รู้ใจที่รับรู้ นั่งอยู่ สติก็ไปรับรู้ภายใน ไปรู้ความรู้สึก ไปรู้ที่ใจที่รับรู้ นอน สติสัมปชัญญะก็ไปรับรู้

ความรู้สึกที่กาย รับรู้ความรู้สึกที่จิตใจ รับรู้ตัวรู้ ยืน สติสัมปชัญญะก็ไปรู้ที่ความรู้สึกที่ก ายที่ยืน

รู้จิตใจอยู่ มันก็มีอย่ างนี้ จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน มันก็มีสภาวะ มีรูปมีนามเป็นเหตุเป็นปัจจัยเกิด

ดั บเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างนี้ ฉะนั้นธรรมะพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าเป็น อกาลิโก ปฏิบัติได้

และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล ปฏิบัติได้ทุกขณะ รู้แจ้งได้ทุกขณะ ถ้าหากว่ามีปัญญ า

หยั่งรู้เห็นในขณะนั้น ผลก็เกิดขึ้นในขณะนั้น เจริญวิปัสสuาจึงต้องเจริญทุกขณะ

พย าย ามใส่ใจ พย าย ามกำหนด พย าย ามพิจารณา เดินไปที่ไหนก็ตาม

นั่งอยู่ที่ไหนก็ตาม นอนอยู่ที่ไหนก็ตาม กำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม พย าย ามใส่ใจด้วยสติสัมปชัญญะ

พิจารณ าลงไปในกระเเสของธรรม เห็นสภาวะรูปนามเปลี่ยนแปลงเกิด

ดับอยู่ทุกขณะ นี่แหละเป็นทางแห่งความดั บทุกข์

Related posts