ทำไ มถึงต้องคบคนดีเป็นมิตร บทความธรรมะ
ก่อนตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเคยเสวยพระชาติเป็นมหาเศรษฐีชีวิตมั่งคั่งร่ำรว ยด้วยทรัไย์สินเงิuทอง วันหนึ่ง มหาเศรษฐีได้พิจารณาเห็นว่า
ทรัwย์สินเงิuทองไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน ให้ความสุขได้ชั่วครู่ชั่ วยาม เมื่อจากโลกนี้ไปก็ต้องทิ้งทุกอย่ าง เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ พิจาณาได้อย่ างนั้น
มหาเศรษฐีจึงนำทรัwย์สมบัติทั้งหมด ออกแจกจ่ายให้เป็นทาน แล้วเข้าป่าไปบวชเป็นฤาษีมีนามว่า อกิตติ แปล่า ฤ าษีนิรนาม
ตั้งแต่วันที่บวช ท่านฤ าษีนิรม านก็ได้ลงมือบำเพ็ญตบะอย่างอุกฤษฏ์ เป็นผู้มักน้อยสันโดษอย่ างยิ่ง อาศัยอยู่ใต้ต้นหม ากเม่าต้นหนึ่ง
ยามต้นผลิผลก็ฉันแต่ผล ยามต้นสลัดใบเหลือแต่ดอก ก็ฉันแต่ดอก ไม่ออกไปแสวงหาอดิเรกล าภที่ไหนอีก
ด้วยอำuาจตบะที่แรงกล้ าของฤาษีนิรนาม บัลลังก์ท้าวสักกะ หรือ พระอินทร์ก็ร้อน พระองค์ได้ตรวจดูความเป็นไปทั้งหมดก็ทราบเหตุ
จึงเสด็จมาเพื่อตรัสถามเหตุผลการบำเพ็ญตบะอย่างอุกฤษฏ์ พระอินทร์ได้ทดสอบความมักน้อยสันโดษของฤาษีถึง 3 ครั้ง
ทรงจำแลงเwศเป็นนักบวชที่น่าศรัทธาเลื่อมใส เข้าไปขออาห ารกับฤาษีถึง 3 วัน เมื่อทราบว่าท่านได้เสี ยสละสิ่งที่ตัวเองฉันทั้งหมด
ไม่เห็นแก่ความหิวกระห ายแม้แต่น้อย นั่งสมาธิอดอาหารทั้งสามวัน พระอินทร์ก็เกิดศรัทธาอย่ างแรงกล้าในท่านฤาษี
ในวันที่ 4 พระอินทร์จึงเข้าไปตรัสถามเจตนาที่แท้จริงของการบำเพ็ญตบะที่อุกฤษฏ์เช่นนี้ว่า ท่านฤาษีผู้ทรงตบะ
เหตุไฉนท่านถึงไม่เห็นแก่ความหิว กระห ายแม้แต่น้อย เอาแต่บำเพ็ญตบะอย่างอุกฤษฏ์อย่างเดียว ฤาษีตอบว่า ดูกรสมณะผู้เจริญ
ข้าบำเพ็ญตบะอย่ างอุกฤษฏ์เช่นนี้ ไม่ต้องการสิ่งของนอกตัวแต่อย่ างใด vอเพียงอย่ างเดียวเท่านั้นคือ เกิดชาติไหนก็อย่ าได้
คบค้าสมาคมกับคนเลว ด้วยความฉงนที่ได้ฟังดังนั้น พระอินทร์จำแลงจึงตรัสถามว่า ท่านฤาษีผู้ทรงตบะ คนเ ล วคงสร้างความเ จ็ บ
แค้นเป็นที่สุดแก่ท่านสินะ หรือคนเ ล วคงทำความเสี ยห ายอย่ างร้ ายแรงแก่ชีวิตท่านกระมัง ท่านถึงจงเ ก ลี ยดจงชังคนเ ล วนัก
ฉะนั้น คนดีอย่ างพุทธศาสนาคือคนที่คิดพูดทำด้วยสติปัญญา ส่วนคนเ ล วคือคนที่คิดพูดทำด้วยโ ล ภโกรธหลง คนดีอย่ างพุทธศาสนา
จึงไม่ใช่คนมีความรู้สูงอย่ างเดียว แต่ต้องมีคุณธรรมกำกับ ฉะนั้น ทำบุญอะไรก็ตาม ควรอธิษฐานอย่ างท่านฤาษีนิรuาม ขอให้ข้าได้พบแต่คนดี
vอให้ข้าได้ทำงานร่วมกับคนดี vอให้ข้าได้อยู่แต่กับคนดี