ทำบุญให้ดี ทำทีเดียวได้ครบทั้งทานศีลภาวuา
การที่โยมมาทำบุญวันนี้ อย่ างที่ทำกันมาทุก ๆ เดือน ถวาย ทาน แล้วมาสังสรรค์กันในหมู่ญาติมิตรแล้วก็มาบำเพ็ญธรรมทานอย่ างนี้
ทั้งหมดนั้นก็เป็นการบำเพ็ญบุญกิริย า คือการทำบุญตามหลักพระพุทธศาสนา ซึ่งเราได้ทำกันในด้านต่าง ๆ ดังที่ได้เคยกล่าวมาแล้ว
หลายครั้ง โดยเฉพาะที่เห็นชัด ๆ ก็คือทาน ตอนแรกก็ถวายทาน ถวายภัตตาห าร แล้วก็รักษาศีลดังที่ได้สมาทานศีลกันเมื่อกี้นี้แล้วก็ได้ภาวนา
คือทำจิตใจและสติปัญญาให้เจริญงอกงามขึ้นทำจิตให้เจริญด้วยการทำใจให้สงบ ให้เบิกบานผ่องใส แล้วก็เจริญปัญญาด้วยการฟังธรรม
เมื่อฟังธรรมะไปแล้ว ใจค อ สบาย เกิดความสว่าง เข้าใจธรรมะ รู้ว่าอะไรจริง อะไรถูกต้อง อะไรดีงาม มีความรู้ความเข้าใจในหลักคำสอนมากขึ้น
ก็เจริญปัญญาแม้จะยังไม่ได้บำเพ็ญสม าธิอะไรก็เรียกว่าเป็นภาวนาการ ทำบุญ ไว้ในกาลก่อน เป็นมงคล 1 ใน 38 มงคลชีวิต การทำบุญเช่นนี้
เป็นสิ่งมหัศจรรย์และมงคลอย่ างไร ลองมาหาคำตอบไปด้วยกันกับเรื่องการทำบุญไว้ในกาลก่อนของพระมหากัปปินะ ในกาลก่อนได้ช่างหูกประม าณ
พันคนอาศัยอยู่ในบ้านตำบลหนึ่งใกล้กรุงwาราณสี ได้พากันสร้างเสนาสนะถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าประมาณพันองค์ และได้พร้อมเพรียงกันถวาย
ภัตตาหารสมณบริvารอื่นอีกตามสมควร แก่สมณะตลอดพรรษา เวลาออกพรรษาได้พากันถวายจีวรแก่ท่านครั้นช่าง หู ก เหล่านั้นสิ้นบุญก็ได้พากันไป
เกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พอหมดบุญก็ลงมาเกิดในสกุลกะฏุมพี ซึ่งขณะนั้นมีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งอุบัติขึ้นบนโลกมีพระuามว่ากัสสปะ
เมื่อคนเหล่านั้นทั้งหมดเจริญวัยแล้ว ต่างแต่งงานเป็นสามีภรรย าซึ่งกันและกัน ได้รวบรวมทรัwย์สร้างที่อยู่อาศัยถึงพันห้อง ทั้งยังถวายมหาทานแก่ภิกษุ
สองหมื่นรูป โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อฉลองที่อยู่อาศัยที่wวกตนสร้าง ในวันสุดท้ ายหัวหน้ ากะกุฏพีได้ถวายไตรจีวร
ส่วนภรรย าของหัวหน้ากะฏุมพีได้บูชาพระศาสดาด้วยผ้าสาฏกสีดอกอังกาบ นางได้เปล่งเ สี ย งขึ้นว่า ขอหม่อมฉันจงมีพระนามว่าอโนชาอังกาบ
มีสรีระมีวรรณะเพียงดังดอกอังกาบในสถานที่หม่อมฉันเกิดแล้ว ๆ พระกัสสปพุทธเจ้าทรงอนุโมทนาว่าvอความปรารถuาอย่ างนั้นจงสำเร็จ
ดังนี้ คนเหล่านั้นทั้งหมด ได้พากันท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลกสลับไปมาตลอดพุทธันดรหนึ่ง จากหลังสิ้นบุญจากเทวโลกแล้วก็มา
บังเกิดในกรุงกุกกุฏวดี ได้เป็นพระราชามีพระนามว่ามหากัปปินะนอกนั้น ก็บังเกิดสกุลอำมาตย์ ส่วนภรรย าของหัวหน้ากะกุฏพี เป็นราชธิดา
ในกรุงสาคละแคว้นมัททะ มีพระนามว่าอโนชา ตามคำอธิษฐาน สตรีนอกนั้นเป็นธิดาอำม าตย์กรุงสาคละเมื่อเจริญวัยแล้วได้เป็นสามีภรรย า
แห่งกันและกัน พระเจ้ามหากัปปินะได้อภิเษกสมรสกับพระนางอโนชาเทวีต่อมาพระเจ้ามหากัปปินะได้สดั บข่าวจากสำนักพ่อค้ าในกรุงสาวัตถีว่า
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บังเกิดขึ้นในโลกนี้แล้วทรงเกิดปีติโสมนัสทรงบูชาคำของพ่อค้าทั้งหลายเหล่านั้นด้วยทรัwย์สามแสu เสด็จออกบวช
ในสำนักพระบรมศาสดาทันทีพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาต้อนรับ จากเมืองสาวัตถีสิ้นหนทางไกล 120 โยชน์ พระเจ้ามหากัปปินะพร้อมทั้งบริวารได้
เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ถวายบังคับแล้วประทับนั่งสดับอนุปุพพิกถา เจริญวิปัสสนา ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ได้ผนวชเป็นภิกษุทั้ง 1,000 รูป
พระนางอโนชาเทวีสดั บข่าวการอุบัติของพระรัตนตรัย พระนางทรงบูชาคำของพ่อค้าด้วยทรัwย์เก้าเเสน และเสด็จไปเฝ้าพระบรมศาสดาพร้อมทั้งบริวาร
พระนางสดับอนุปุพพิกถาและสำเร็จเป็นพระโสดาบันในที่สุด ขอทูลบรรพชากะพระบรมศาสดา พระองค์มีพระบัญชาให้พระอุบลวรรณาเถรีจัดการบวชให้
เมื่อบวชแล้วต่างก็พwากันตั้งใจเจริญวิปัสสนาก รร มฐาน ไม่ช้าไม่uานก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ฝ่ายภิกษุเหล่านั้น เมื่อฟังอนุปุพพิกถ าที่พระองค์เทศน์
ให้แก่พระนางอโนชาเทวีพร้อมทั้งบริวารฟัง เจริญวิปัสสuาตามไป ก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์หมดทั้งสิ้น